แนวข้อสอบ นักวิชาการประมง
1. โรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียของสัตว์น้ำคือ
ก. เชื้อแอโรโมแนส
ข. เชื้อไฮโดรฟิลลา
ค. เชื้อวิบริโอ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
โรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ปลาอ่อนแอ ได้แก่ เชื้อแอโรโมแนส ไฮโดรฟิลลา เชื้อวิบริโอ ปลาที่เป็นโรคติดต่อเชื้อแบคทีเรียมักมีอาการเป็นจุดขาวเล็กๆ ที่ผิวตัว จากนั้นจะเห็นเป็นรอยเลือดคั่ง แล้วกลายเป็นแผลเน่าลึกจนถึงกระดูก จนปลาตายในที่สุด
2. ลักษณะอาการของปลาที่ติดเชื้อแบคทีเรียคือข้อใด
ก. เป็นจุดสีเขียวเล็กๆ ที่ผิวตัว
ข. มีรอยเลือดคั่ง
ค. ปลามักผอมไม่กินอาหาร
ง. เหงือกปลาเกิดแผลเปื่อย
ตอบ ข. มีรอยเลือดคั่ง
ดูคำอธิบายข้อข้างต้น
3. ปลาน้ำจืดแบ่งออกเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง
ก. 2 ประเภท ได้แก่ ปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำนิ่ง และปลาที่อาศัยในลำธารหรือแม่น้ำ
ข. 2 ประเภท ได้แก่ ปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำนิ่ง และปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำไหล
ค. 3 ประเภท ได้แก่ ปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำระดับลึก ปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำระดับกลาง และปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำระดับตื้น
ง. 3 ประเภท ได้แก่ ปลาที่กินพืช ปลาที่กินเนื้อสัตว์ และปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำระดับลึก
ตอบ ก. 2 ประเภท ได้แก่ ปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำนิ่ง และปลาที่อาศัยในลำธารหรือแม่
ปลาน้ำจืด เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดตลอดชีวิต อาจแบ่งออกเป็นสองจำพวกใหญ่ๆ คือ ปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำนิ่ง เช่น ในบ่อบึง อาทิ ปลาสวาย ปลาเทโพ และปลาที่อาศัยในลำธารหรือแม่น้ำ อาทิ ปลาตะเพียน ปลาเทพา และปลาสร้อย เป็นต้น
4. ปลาประเภทใดที่อาศัยอยู่น้ำนิ่ง
ก. ยปลาเทพา
ข. ปลาตะเพียน
ค. ปลาสวา
ง. ปลาสร้อย
ตอบ ค. ปลาสวาย
ดูคำอธิบายข้อข้างต้น
5. การเลี้ยงปลาน้ำจืดมีกี่ประเภท
ก. 3 ประเภท
ข. 4 ประเภท
ค. 5 ประเภท
ง. 6 ประเภท
ตอบ ข. 4 ประเภท
การเลี้ยงปลาน้ำจืด แบ่งออกเป็น 4 ประเภท
1. การเลี้ยงปลาในบ่อ
2. การเลี้ยงปลาในนาข้าว
3. การเลี้ยงปลาในร่องสวน
4. การเลี้ยงปลาในกระชัง
6. ระเบียบกรมประมง ว่าด้วยการยื่นคำขอและการอนุญาตให้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำประเภทที่สาธารณประโยชน์ พ.ศ. ๒๕๓๓ บังคับใช้เมื่อใด
ก. วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๓
ข. วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๓๓
ค. วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๓๓
ง. วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๓๓
ตอบ ก. วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๓
ระเบียบกรมประมง ว่าด้วยการยื่นคำขอและการอนุญาตให้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำประเภทที่สาธารณประโยชน์ พ.ศ. ๒๕๓๓
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๓
7. หอยที่กินหอยอื่นเป็นอาหาร โดยการเจาะเปลือยแล้วปล่อยน้ำย่อยก่อนดูดกินคือ
ก. หอยเต้าปูน
ข. หอยสังข์หนาม
ค. หอยตะกราม
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
8. ชนิดของปลาที่ควรจะเลี้ยงในกระชัง ควรมีลักษณะอย่างไรในด้านเศรษฐกิจ
ก. โตเร็ว
ข. สามารถเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อได้ดี
ค. เป็นชนิดที่ตลาดต้องการ
ง. หาลูกปลาได้สะดวก มีปริมาณพอเพียง
ตอบ ค. เป็นชนิดที่ตลาดต้องการ
ปลาที่ควรจะเลี้ยงในกระชังในด้านเศรษฐกิจ ควรมีลักษณะดังนี้
๑. ราคาซื้อขายสูง
๒. ขายง่าย ขายสดไม่ต้องผ่านกรรมวิธีมาก
๓. เป็นชนิดที่ตลาดต้องการ
9. ปลาน้ำจืดที่มีความต้านทานที่เหมาะจะเลี้ยงในกระชังได้แก่
ก. Cyprinidae, Siluridae, Clariidae
ข. Siluridae, Cichlidae, Cephalidae
ค. Cephalidae, Ophicephalidae, Luridae
ง. Luridae, Ophicephalidae, Siluridae
ตอบ ก. Cyprinidae, Siluridae, Clariidae
ปลาน้ำจืดที่มีความต้านทานที่เหมาะจะเลี้ยงในกระชังมีอยู่ ๕ ครอบครัว คือ
๑. ไซพรินิดี (Cyprinidae)
๒. ปลาไนซิลูริดี (Siluridae) ได้แก่ ปลาสวาย ปลาเทโพ
๓. คลาริไอดี (Clariidae) ได้แก่ ปลาดุก
๔. โอฟิเซฟาลิดี (Ophicephalidae) ได้แก่ ปลาช่อน
๕. ซิคลิดี (Cichlidae) ได้แก่ ปลาในสกุลตีลาเบียชนิดต่างๆ เช่น ปลานิล
10. ข้อใดบอกชื่อวิทยาศาสตร์และชื่อสามัญของปลาน้ำจืดเศรษฐกิจได้ถูกต้อง
ก. ชื่อไทย ปลาคาร์พ
ชื่อสามัญ COMMON CARP
ชื่อวิทยาศาสตร์ Panaeus monodon
ข. ชื่อไทย กุ้งกุลาดำ
ชื่อสามัญ BLACK TIGER SHRIMP
ชื่อวิทยาศาสตร์ Litopenaeus vannamei
ค. ชื่อไทย ปลานิล
ชื่อสามัญ TILAPIA
ชื่อวิทยาศาสตร์ Clarius macrocephaluss
ง. ชื่อไทย ปลาบึก
ชื่อสามัญ GIANT FRESH WATER FISH
ชื่อวิทยาศาสตร์ Pangasinodon gigas
ตอบ ง. ชื่อไทย ปลาบึก
ชื่อสามัญ GIANT FRESH WATER FISH
ชื่อวิทยาศาสตร์ Pangasinodon gigas
#รวมข้อสอบที่ออกบ่อยๆ รวบรวมโดยอาจารย์ของสถาบัน
#เจาะลึกครอบคุมตรงประเด็น เนื้อหาสาระสำคัญ ข่าวสารทันโลก
#จำหน่ายแนวข้อสอบมานานกว่า 10 ปี การรันตีจากผู้สอบติดมากมาย
#รวมหนังสือหรือไฟล์ เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาไปนั่งติว
แนวข้อสอบมี 2 รูปแบบ
1.แบบที่ 1 รอรับได้เลย ราคาเพียง 399 บาท (รอรับ 1-2 ชม หลังโอน)
2.แบบที่ 2 หนังสือ **ฟรี MP3** ราคา 699 บาท (ส่งฟรีขนส่งเอกชน)
ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อแนวข้อสอบ
Line ID : Panisara_test หรือคลิ๊กสั่งซื้อทันที
ชำระค่าสินค้าและบริการ
-ธ.กรุงไทย เลขที่บัญชี 983-0-97701-3
-ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 549-2-17930-4
(ชื่อบัญชี ปาณิสรา พระกาย ออมทรัพย์ สาขามหาวิทยาลัยขอนแก่น)
ถาม – ตอบ
***********
1. ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการทำประมงทะเลสูง เนื่องมาจากอะไร
ตอบ ชาวประมงไทยมีความสามารถ และ สภาพภูมิประเทศเอื้ออำนวยให้ประเทศไทยมีทรัพยากรสัตว์น้ำที่อุดมสมบูรณ์ด้วย ประเทศไทยตั้งอยู่บน คาบสมุทรอินโดจีนตอนล่างซึ่งมีฝั่งทะเลทั้ง 2 ด้าน ฝั่งทะเลที่ติดกับอ่าวไทยมีความยาวประมาณ 1,785 กิโลเมตร ส่วนฝั่งที่ติดกับทะเลอันดามัน มีความยาวประมาณ 740 กิโลเมตร รวมความยาวชายฝั่งทะเล ทั้งสิ้นประมาณ 2,615 กิโลเมตร และพื้นที่ท้องทะเลชายฝั่ง โดยเฉพาะอ่าวไทยมีไหล่ทวีปกว้างใหญ่เหมาะ แก่การทำประมง
2. การประมงทะเลของไทยค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากอะไร
ตอบ ใช้เครื่องมือหลายชนิด และเรือประมงมี ขนาดแตกต่างกัน นอกจากนั้นสัตว์น้ำที่จับได้มีหลากหลายชนิด (Multi-species)
3. การประกอบกิจการประมง สามารถแยกได้เป็น
ตอบ การประมงพาณิชย์และการประมงพื้นบ้าน ซึ่งเป็นการแยกตามชนิดของเครื่องมือประมง บริเวณทำการประมงและสภาพสังคมเศรษฐกิจ
4. ปัญหาเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรประมงที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป มีสาเหตุจากอะไร
ตอบ จากลักษณะ ของทรัพยากรประมงเอง ทั้งนี้เพราะทรัพยากรประมงเป็นทรัพยากรร่วม (Common property resource) ไม่มี ผู้หนึ่งผู้ใดเป็นเจ้าของทรัพยากรประมงโดยเฉพาะ หรืออาจกล่าวได้ว่าทรัพยากรประมงของประเทศใดก็มี ประชาชนของประเทศนั้นเป็นเจ้าของ ดังนั้น จึงไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์เด็ดขาดในการใช้ทรัพยากรประมง หรือ ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นมาใช้ได้ ในการประกอบกิจการประมงจึงเปิดโอกาสให้ผู้มีทุนมีความสามารถเข้ามา ประกอบอาชีพได้โดยเสรี (Open access) โดยต้นทุนทำประมงของชาวประมงไม่ได้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และตราบใดที่มีผู้เข้ามาทำประมงใหม่อยู่เรื่อยๆ ผลที่ตามมาก็คือ มีการใช้ทรัพยากรประมงมากเกินควร ทำ ให้ทรัพยากรประมงเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว
5. ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรประมงทะเลของประเทศไทย มีสาเหตุหลักมาจากอะไร
ตอบ การทำ ประมงทะเลในอดีตให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูง ซึ่งมีผลให้การพัฒนาการประมงทะเลเป็นไปอย่าง รวดเร็ว จนทำให้เกิดการทำประมงมากเกินไป (Over-fishing) จะเห็นได้จากการลดลงของปริมาณการจับ สัตว์น้ำต่อหน่วยการลงแรงประมงของเรือสำรวจ ขนาดความยาวเฉลี่ยของสัตว์น้ำที่จับได้ลดลง สัตว์น้ำบาง ชนิดหาได้ยากขึ้นหรือสูญหายไป รวมทั้งการเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนและประสิทธิภาพของเรือและเครื่องมือ ประมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องมือประมงประเภทอวนลาก มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 99 ลำ ในปี 2503
อวนลาก และอวนรุน เป็นเครื่องมือประมงที่มุ่งจับสัตว์น้ำหน้าดิน (Demersal fish) เป็นหลัก ลักษณะการทำประมงเครื่องมือจะต้องลากครูดกับผิวหน้าดินตลอดเวลา ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าเครื่องมือ ประมงดังกล่าวเป็นเครื่องมือประมงที่ทำลายทั้งทรัพยากรสัตว์น้ำและถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ไม่สามารถคัดเลือกสัตว์น้ำเป้าหมายได้ (Non-selective gear) มีการใช้ตาอวนขนาด เล็กเกินไป และทำลายสภาพพื้นท้องทะเลตลอดเวลาขณะทำการประมงอีกด้วย
6. โครงสร้างภาคประมงทะเลของไทย ได้แก่
ตอบ (1) ครัวเรือนทำการประมงทะเล (2) ชาวประมง (3) เครื่องมือทำการประมง (4) เรือประมง
(5) แหล่งทำการประมง
7. เครื่องมือทำการประมงหลักที่ครัวเรือนประมงใช้ในการทำประมงทะเลจำแนกออกเป็นกี่กลุ่ม
ตอบ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ใช้ในครัวเรือนทำการประมงขนาดเล็ก และกลุ่มที่ใช้ใน ครัวเรือนทำการประมงพาณิชย์
8. การทำประมงนอกน่านน้ำในปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้ เครื่องมือประเภทใด
ตอบ เครื่องมือประมงอวนลาก เนื่องจากชาวประมงไทยมีความชำนาญในการใช้เครื่อง ประเภทนี้ และการลงทุนต่ำกว่าเครื่องมือประเภทอื่น อีกทั้งมีประสิทธิภาพในการจับ ค่อนข้างสูง สามารถจับสัตว์น้ำได้หลากหลายชนิดและขนาด
9. กลุ่มเครื่องประมงที่สำคัญ ได้แก่
ตอบ กลุ่มเครื่องมือประมงอวนลาก การทำประมงนอกน่านน้ำในปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้ เครื่องมือประมงอวนลาก เนื่องจากชาวประมงไทยมีความชำนาญในการใช้เครื่อง ประเภทนี้ และการลงทุนต่ำกว่าเครื่องมือประเภทอื่น อีกทั้งมีประสิทธิภาพในการจับ ค่อนข้างสูง สามารถจับสัตว์น้ำได้หลากหลายชนิดและขนาด
กลุ่มเครื่องมือประมงล้อมจับ อวนล้อมจับเป็นเครื่องมือประมงที่ใช้สำหรับจับปลาผิวน้ำ อย่างไรก็ตาม จำนวนเรือประมงอวนล้อมจับที่ออกไปทำการประมงนอกน่านน้ำมี จำนวนไม่มากนัก เพราะมีการลงทุนสูงและใช้ลูกเรือจำนวนมาก
กลุ่มเครื่องมือประมงอวนลอยปลาอินทรี ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาวประมงในเขตจังหวัดทาง ภาคใต้ ปลาอินทรีที่จับได้จะแปรรูปเป็นปลาเค็มและนำกลับประเทศไทย กลุ่มนี้มี จำนวนเรือค่อนข้างน้อย
10. เรือประมงที่ใช้เครื่องยนต์ในเรือส่วนใหญ่ เป็นเรือประเภทใด
ตอบ เรือขนาดเล็ก มีระวางบรรทุกน้อยกว่า 10 ตัน กรอส มีจำนวนมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 10.7 ของจำนวนเรือทุกประเภท รองลงมา คือ เรือประมงขนาดกลาง คือ มีระวางบรรทุก 10-49 ตันกรอส ร้อยละ 8.7 ส่วนเรือประมงขนาดใหญ่ คือ เรือที่มีระวางบรรทุก 50 ตัน กรอส ขึ้นไป มีเพียงร้อยละ 3.4 เท่านั้น